อันตรายของเห็บส่งผลอะไรต่อหมาแมวเราบ้าง ? - ศูนย์การสัตวแพทย์ PKAH รังสิต
อัพเดทล่าสุด: 19 ต.ค. 2025
62 ผู้เข้าชม
อันตรายของเห็บส่งผลอะไรต่อหมาแมวเราบ้าง ?
เห็บเป็นปรสิตภายนอกที่สามารถสร้างอันตรายร้ายแรงต่อสุนัขและแมวได้มากกว่าแค่การสร้างความรำคาญหรืออาการคัน เพราะเห็บเป็นพาหะนำโรคต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
# อันตรายหลักที่เกิดจากเห็บ
1. โรคพยาธิเม็ดเลือด (Ehrlichiosis, Anaplasmosis, Babesiosis)
นี่คือโรคร้ายแรงที่สุดที่เห็บสามารถนำมาสู่สุนัขและแมวได้ เมื่อเห็บกัดและดูดเลือดของสัตว์เลี้ยง เชื้อโรคที่อยู่ในตัวเห็บจะถูกปล่อยเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดการติดเชื้อในเม็ดเลือดชนิดต่างๆ เช่น เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และเม็ดเลือดแดง ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเลือดและอวัยวะภายใน
* อาการที่สังเกตได้: ซึม เบื่ออาหาร มีไข้สูง น้ำหนักลด เหงือกซีด มีจุดเลือดออกตามผิวหนังหรือเลือดกำเดาไหล ปัสสาวะสีน้ำตาลเข้ม (ในบางกรณี)
* ความรุนแรง: หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจางรุนแรง ตับวาย ไตวาย และเสียชีวิตได้
2. ภาวะโลหิตจาง (Anemia)
เห็บจะดูดเลือดจากสัตว์เลี้ยงเป็นอาหาร หากมีการติดเห็บจำนวนมาก โดยเฉพาะในลูกสุนัขหรือลูกแมวที่ยังมีร่างกายอ่อนแอ การสูญเสียเลือดในปริมาณมากจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
* อาการที่สังเกตได้: อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหงือกและลิ้นซีดเซียว (สังเกตได้จากการยกริมฝีปากขึ้น)
3. ปัญหาผิวหนังและการติดเชื้อ
การกัดของเห็บทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองอย่างรุนแรง ทำให้สัตว์เลี้ยงเกา เลีย หรือกัดแทะผิวหนังบริเวณที่เห็บกัดจนเกิดบาดแผล ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังตามมาได้
* อาการที่สังเกตได้: คัน เกา มีรอยแดง ผื่น หรือแผลที่ผิวหนัง
4. โรคอื่นๆ นอกจากโรคพยาธิเม็ดเลือดแล้ว เห็บยังสามารถเป็นพาหะของโรคอื่นๆ ได้อีก เช่น
* โรคไลม์ (Lyme disease): เกิดจากแบคทีเรียที่ชื่อ Borrelia burgdorferi ทำให้เกิดอาการปวดข้อ ข้ออักเสบ และมีไข้ได้
* พยาธิตัวตืด (Tapeworm): หมัดเป็นพาหะของพยาธิตัวตืด เมื่อแมวเลียทำความสะอาดตัวแล้วบังเอิญกินหมัดเข้าไป ก็จะติดพยาธิตัวตืดได้
การป้องกันและดูแล
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เห็บมาเกาะบนตัวสัตว์เลี้ยง
* ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเห็บ: ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หลายรูปแบบให้เลือก ทั้งแบบหยดหลัง แบบกิน หรือปลอกคอ ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสุนัขหรือแมวของคุณ
* รักษาความสะอาดของสิ่งแวดล้อม: ทำความสะอาดบ้านและบริเวณที่สัตว์เลี้ยงอาศัยอยู่เป็นประจำ เพื่อลดแหล่งที่อยู่ของเห็บ
* ตรวจเช็กตัวสัตว์เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ: ควรสำรวจตามตัวสัตว์เลี้ยงทุกครั้งหลังกลับจากเดินเล่นหรือไปในที่ที่อาจมีเห็บ เพื่อตรวจหาและกำจัดเห็บที่เกาะอยู่
หากคุณสงสัยว่าสัตว์เลี้ยงของคุณมีอาการที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อจากเห็บ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้องโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้อาการลุกลามจนเป็นอันตรายถึงชีวิต
เห็บเป็นปรสิตภายนอกที่สามารถสร้างอันตรายร้ายแรงต่อสุนัขและแมวได้มากกว่าแค่การสร้างความรำคาญหรืออาการคัน เพราะเห็บเป็นพาหะนำโรคต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
# อันตรายหลักที่เกิดจากเห็บ
1. โรคพยาธิเม็ดเลือด (Ehrlichiosis, Anaplasmosis, Babesiosis)
นี่คือโรคร้ายแรงที่สุดที่เห็บสามารถนำมาสู่สุนัขและแมวได้ เมื่อเห็บกัดและดูดเลือดของสัตว์เลี้ยง เชื้อโรคที่อยู่ในตัวเห็บจะถูกปล่อยเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดการติดเชื้อในเม็ดเลือดชนิดต่างๆ เช่น เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และเม็ดเลือดแดง ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเลือดและอวัยวะภายใน
* อาการที่สังเกตได้: ซึม เบื่ออาหาร มีไข้สูง น้ำหนักลด เหงือกซีด มีจุดเลือดออกตามผิวหนังหรือเลือดกำเดาไหล ปัสสาวะสีน้ำตาลเข้ม (ในบางกรณี)
* ความรุนแรง: หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจางรุนแรง ตับวาย ไตวาย และเสียชีวิตได้
2. ภาวะโลหิตจาง (Anemia)
เห็บจะดูดเลือดจากสัตว์เลี้ยงเป็นอาหาร หากมีการติดเห็บจำนวนมาก โดยเฉพาะในลูกสุนัขหรือลูกแมวที่ยังมีร่างกายอ่อนแอ การสูญเสียเลือดในปริมาณมากจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
* อาการที่สังเกตได้: อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหงือกและลิ้นซีดเซียว (สังเกตได้จากการยกริมฝีปากขึ้น)
3. ปัญหาผิวหนังและการติดเชื้อ
การกัดของเห็บทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองอย่างรุนแรง ทำให้สัตว์เลี้ยงเกา เลีย หรือกัดแทะผิวหนังบริเวณที่เห็บกัดจนเกิดบาดแผล ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังตามมาได้
* อาการที่สังเกตได้: คัน เกา มีรอยแดง ผื่น หรือแผลที่ผิวหนัง
4. โรคอื่นๆ นอกจากโรคพยาธิเม็ดเลือดแล้ว เห็บยังสามารถเป็นพาหะของโรคอื่นๆ ได้อีก เช่น
* โรคไลม์ (Lyme disease): เกิดจากแบคทีเรียที่ชื่อ Borrelia burgdorferi ทำให้เกิดอาการปวดข้อ ข้ออักเสบ และมีไข้ได้
* พยาธิตัวตืด (Tapeworm): หมัดเป็นพาหะของพยาธิตัวตืด เมื่อแมวเลียทำความสะอาดตัวแล้วบังเอิญกินหมัดเข้าไป ก็จะติดพยาธิตัวตืดได้
การป้องกันและดูแล
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เห็บมาเกาะบนตัวสัตว์เลี้ยง
* ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเห็บ: ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หลายรูปแบบให้เลือก ทั้งแบบหยดหลัง แบบกิน หรือปลอกคอ ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสุนัขหรือแมวของคุณ
* รักษาความสะอาดของสิ่งแวดล้อม: ทำความสะอาดบ้านและบริเวณที่สัตว์เลี้ยงอาศัยอยู่เป็นประจำ เพื่อลดแหล่งที่อยู่ของเห็บ
* ตรวจเช็กตัวสัตว์เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ: ควรสำรวจตามตัวสัตว์เลี้ยงทุกครั้งหลังกลับจากเดินเล่นหรือไปในที่ที่อาจมีเห็บ เพื่อตรวจหาและกำจัดเห็บที่เกาะอยู่
หากคุณสงสัยว่าสัตว์เลี้ยงของคุณมีอาการที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อจากเห็บ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้องโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้อาการลุกลามจนเป็นอันตรายถึงชีวิต
บทความที่เกี่ยวข้อง
ภาวะโลหิตจาง (Anemia) คือภาวะที่สัตว์เลี้ยงมีปริมาณ เม็ดเลือดแดง และ ฮีโมโกลบิน น้อยกว่าปกติ ภาวะนี้ไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการที่บ่งชี้ว่าอาจมีโรคหรือความผิดปกติอื่นซ่อนอยู่ เนื่องจากฮีโมโกลบินทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ภาวะโลหิตจางจึงส่งผลให้ร่างกายขาดออกซิเจน
13 ก.ย. 2025
เรามีธนาคารเลือดสุนัขและแมวที่พร้อมให้บริการเลือด (Fresh whole blood) และส่วนประกอบของเลือด (Blood components) และบริการถ่ายเลือดสุนัขและแมว ด้วยเลือดที่มีคุณภาพ มีการตรวจสอบทุกขั้นตอนตามมาตรฐานเทียบเท่าธนาคารเลือดของคน
7 ก.ย. 2025
ป้องกันสัตว์เลี้ยงสูญหาย: ไมโครชิปทำหน้าที่เป็นบัตรประจำตัวถาวรของสัตว์เลี้ยง หากสัตว์เลี้ยงหลงทางและมีคนเก็บได้ เจ้าหน้าที่หรือสัตวแพทย์สามารถใช้เครื่องสแกนเพื่ออ่านรหัสในชิปและนำข้อมูลเจ้าของที่ลงทะเบียนไว้มาติดต่อกลับได้ ยืนยันความเป็นเจ้าของ: ช่วยในการยืนยันตัวตนของสัตว์เลี้ยงในกรณีที่มีข้อพิพาทเรื่องการครอบครอง หรือเมื่อมีการซื้อขายสัตว์เลี้ยงที่มีราคาสูง เช่น สุนัขหรือแมวสายพันธุ์แท้
31 ส.ค. 2025