ศูนย์โรคทางระบบประสาท และการเคลื่อนไหว

(Pets Neuro Center)

เป็นศูนย์เฉพาะทางที่ให้การวินิจฉัยและรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทส่วนกลาง (สมองและไขสันหลัง) และระบบประสาทส่วนปลาย (เส้นประสาทและกล้ามเนื้อ) ซึ่งเป็นระบบที่ซับซ้อนและต้องการสัตวแพทย์ผู้ที่มีประสบการณ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อคืนคุณภาพชีวิตที่ดีและลดผลกระทบจากความผิดปกติทางระบบประสาทให้แก่สัตว์เลี้ยง

เมื่อไหร่ควรพาสัตว์เลี้ยงมาพบสัตวแพทย์ระบบประสาท?

เจ้าของควรสังเกตสัญญาณเตือนของความผิดปกติทางระบบประสาท ซึ่งอาจรวมถึงอาการต่อไปนี้

 อาการชักในสุนัขแมว : อาการเกร็งกระตุกทั้งตัวหรือเฉพาะส่วน, ไม่รู้สึกตัว, น้ำลายไหลฟูมปาก

 กล้ามเนื้ออ่อนแรงในสุนัขแมว (Weakness/Paresis): เดินโซเซ, ลุกยืนลำบาก, ขาลาก หรือเป็นอัมพาต (Paralysis)

 การทรงตัวผิดปกติในสุนัขแมว : เดินวน, หัวเอียง, ตากระตุก, คลื่นไส้อาเจียน

 อาการเจ็บปวดในสุนัขแมว : ร้องอย่างรุนแรงเมื่อถูกอุ้ม หรือสัมผัสบริเวณคอและหลัง, หลังโก่ง

 พฤติกรรมเปลี่ยนไปในสุนัขแมว : ซึมเศร้า, สับสนมึนงง, เดินอย่างไร้จุดหมาย หรือแสดง

พฤติกรรมก้าวร้าวผิดปกติ หรือพฤติกรรมแปลกๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน

 การมองเห็นลดลงอย่างเฉียบพลันในสุนัขแมว โดยที่ไม่ได้มีปัญหาจากดวงตาโดยตรง

ขอบเขตการวินิจฉัยและรักษาโรค

ศูนย์ฯ มีความพร้อมในการวินิจฉัยและดูแลรักษาโรคทางระบบประสาทที่หลากหลายและซับซ้อน

 โรคลมชัก (Epilepsy): วินิจฉัยหาสาเหตุและวางแผนการควบคุมอาการชักในระยะยาว

 โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (Intervertebral Disc Disease - IVDD): เป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวด, อ่อนแรง, หรืออัมพาตบริเวณขา

 ภาวะสมองและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningoencephalitis): อาจเกิดจากการติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อก็ได้

 เนื้องอกในสมองและไขสันหลัง (Brain & Spinal Tumors): วินิจฉัยและวางแผนการรักษาเพื่อชะลอการเติบโตของโรค

 โรคเกี่ยวกับความเสื่อมของระบบประสาท (Degenerative Myelopathy)

 การบาดเจ็บที่ศีรษะและไขสันหลัง (Head & Spinal Trauma) จากอุบัติเหตุ

เทคโนโลยีเพื่อการวินิจฉัยที่ตรงจุด

การวินิจฉัยโรคระบบประสาทอาศัยการตรวจร่างกาย
อย่างละเอียดร่วมกับเทคโนโลยีเฉพาะทาง

 การตรวจประเมินทางระบบประสาท (Neurological Examination): สัตวแพทย์จะทดสอบปฏิกิริยารีเฟล็กซ์, การทรงตัว, และการตอบสนองต่างๆ เพื่อระบุตำแหน่งของรอยโรคในระบบประสาท


 การตรวจวินิจฉัยด้วยภาพขั้นสูง (Advanced Imaging):

• CT Scan (เอกซเรย์คอมพิวเตอร์): มีประโยชน์อย่างมากในการตรวจดูความผิดปกติของกระดูก เช่น กะโหลกศีรษะและกระดูกสันหลัง
• MRI (Magnetic Resonance Imaging): เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด (Gold Standard) สำหรับการดูความผิดปกติในเนื้อเยื่อสมองและไขสันหลังโดยตรง (อาจต้องมีการส่งตัวไปยังสถานพยาบาลที่มีเครื่องมือ)
  

 การตรวจวิเคราะห์น้ำไขสันหลัง (Cerebrospinal Fluid - CSF Analysis): เพื่อตรวจหาการอักเสบ, การติดเชื้อ หรือเซลล์ที่ผิดปกติ

การมีศูนย์เฉพาะทางด้านระบบประสาทและการเคลื่อนไหว ทำให้สัตว์เลี้ยงที่มีปัญหาซับซ้อนได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็ว นำไปสู่การรักษาที่ตรงจุดและเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวให้กลับมามีชีวิตที่ใกล้เคียงปกติได้